เคล็ดลับปกป้อง
ข้อมูล คำแนะนำ และเคล็ดลับการดูแลสุนัขจากสัตวแพทย์ เพื่อช่วยให้คุณดูแลสุนัขแสนรักให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุข และอยู่กับคุณไปนานๆ

บทความล่าสุด
- 

เตือนภัยหน้าฝน !
อ่านต่อ ‣: เตือนภัยหน้าฝน !ยุงเยอะแบบนี้ ระวังโรคพยาธิหนอนหัวใจ ! “ยุง” ตัวการสำคัญที่เป็นพาหะของโรคพยาธิหนอนหัวใจในน้องหมา โดยเฉพาะในฤดูฝนที่ยุงเยอะแบบนี้ ยิ่งทำให้น้องหมามีโอกาสป่วยด้วยโรคพยาธิหนอนหัวใจมากกว่าปกติ 😱ทำไมฤดูฝนจึงมีโอกาสพบยุงเยอะกว่าฤดูอื่น ๆ และการโดนยุงกัดเพียงครั้งเดียวก็ทำให้น้องหมาเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจได้แล้วจริงหรือ ? ไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย ! 😊 🦟 ทำไมหน้าฝนจึงยุงเยอะ ?เพราะ ยุง คือแมลงที่เติบโตมาจากตัวโม่ง หรือลูกน้ำซึ่งอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำขังในสิ่งแวดล้อม เมื่อฝนตก (โดยเฉพาะในฤดูฝนที่ฝนตกบ่อยมากกว่าฤดูอื่น ๆ) จึงทำให้แหล่งน้ำขังตามพื้นที่ต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ง่าย และมากกว่าปกติ นอกจากนี้ ไข่ของยุงยังมีความทนทานในสิ่งแวดล้อมสูง ถึงแม้ว่ายุงจะไข่ทิ้งไว้ตามพื้นดินที่แห้งกรัง แต่เมื่อสัมผัสกับน้ำฝน ไข่เหล่านี้ก็พร้อมที่จะฟักตัวออกมาเป็นลูกน้ำได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ส่งผลให้ฤดูฝน เป็นฤดูที่มีโอกาสพบยุงได้ง่าย และบ่อยมากกว่าฤดูอื่น ๆ นั่นเอง 🦟 ยุงเป็นพาหะของพยาธิหนอนหัวใจได้อย่างไร ?พยาธิหนอนหัวใจระยะตัวอ่อน จะไหลเวียนปะปนอยู่ภายในกระแสเลือดในร่างกายของน้องหมาที่ป่วยด้วยโรคพยาธิหนอนหัวใจ เมื่อยุงกัดและดูดเลือด ยุงจะรับตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจซึ่งมีขนาดเล็กมากเข้าสู่ร่างกาย และเมื่อยุงที่เป็นพาหะนี้บินไปดูดเลือดน้องหมาตัวอื่น ๆ ตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจก็จะเคลื่อนที่จากยุงเข้าสู่ร่างกายของน้องหมาตัวนั้น ๆ ผ่านทางปากที่กำลังดูดเลือด และเติบโตจนก่อให้เกิดโรคพยาธิหนอนหัวใจตามมานั่นเอง 🦟 โดนยุงกัดแค่ครั้งเดียวก็เป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจได้ จริงหรือ ?จริง เพราะตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจมีขนาดเล็กมาก…
 - 

ใครที่กำลังเป็นคุณพ่อ คุณแม่น้องหมาเด็กฟังทางนี้ !
อ่านต่อ ‣: ใครที่กำลังเป็นคุณพ่อ คุณแม่น้องหมาเด็กฟังทางนี้ !เลี้ยงลูกหมาเด็กต้องระวังพยาธิตัวกลม เพราะพยาธิตัวกลมอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในลูกหมาได้ !พยาธิตัวกลมก่ออันตรายใดกับลูกหมา และเราจะสามารถปกป้องน้องหมาจากอันตรายร้ายแรงนี้ได้อย่างไร ไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย ! อันตรายของพยาธิตัวกลมในลูกหมาพยาธิตัวกลม คือพยาธิในระบบทางเดินอาหารที่สามารถพบได้บ่อยในน้องหมา โดยเฉพาะน้องหมาเด็กที่มีอายุน้อย การก่อโรคของพยาธิตัวกลมพบว่ามีตั้งแต่อาการเล็กน้อย คือ ผอม อาเจียน ท้องเสีย ซึม ขนหยาบกระด้าง ไปจนถึงอาการรุนแรง คือ ภาวะปอดบวม ท้องมาน ตับโต โดยเฉพาะในน้องหมาเด็กที่พบการติดพยาธิก่อนคลอด หรือหลังคลอดไม่นาน อาจพบความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ลูกหมาสามารถติดพยาธิตัวกลมจากช่องทางใดได้บ้าง ?การติดพยาธิตัวกลมในน้องหมาเด็กสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่พวกเขายังไม่ออกจากท้องแม่ เพราะพยาธิตัวกลมสามารถแทรกซึมจากแม่หมาติดต่อผ่านรกมายังลูกหมาได้ นอกจากนี้พยาธิตัวกลมยังชอนไชผ่านเต้านม และติดต่อมาสู่ลูกหมาผ่านทางน้ำนมได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อน้องหมาออกจากท้องแม่ พวกเขายังสามารถได้รับไข่ของพยาธิตัวกลมที่อาจปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อมที่สกปรก หรือมีน้องหมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากได้อีกด้วย เรียกได้ว่าลูกหมาเด็กมีความเสี่ยงต่อพยาธิตัวกลมตั้งแต่ในท้องแม่จนออกจากท้องแม่เลยทีเดียว ป้องกันไว้ก่อนสายเกินแก้ฟังมาถึงตรงนี้ หากใครที่กำลังกังวลกับการป้องกันพยาธิตัวกลม เรามีวิธีป้องกันมาแนะนำ !การป้องกันพยาธิตัวกลมในน้องหมา สามารถป้องกันได้ตั้งแต่น้องหมากำลังตั้งท้อง โดยการใช้โปรแกรมปกป้องที่ออกฤทธิ์ครอบคลุมการป้องกันพยาธิภายในที่มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ได้ในแม่หมาที่กำลังตั้งท้อง ซึ่งได้รับการรับรองจากสัตวแพทย์ ร่วมไปกับการพาน้องหมาไปถ่ายพยาธิเป็นประจำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ (อย่างน้อย 3 เดือนต่อหนึ่งครั้ง) และเมื่อน้องหมาคลอดออกมาแล้ว อย่าลืมพาน้องหมาเด็กไปรับการตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์ เพื่อเข้าโปรแกรมการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อ และการถ่ายพยาธิ และเมื่อน้องหมามีอายุได้ 8 สัปดาห์ อย่าลืมปกป้องอย่างต่อเนื่องด้วยการเริ่มโปรแกรมปกป้องน้องหมาจากปรสิตตัวร้ายโดยการ…
 - 

ฤดูฝนนี้ ระวังเห็บระบาด !
อ่านต่อ ‣: ฤดูฝนนี้ ระวังเห็บระบาด !ไขข้อสงสัย ทำไมเห็บระบาดช่วงหน้าฝน 🌧 ฝนตกแบบนี้ อย่าลืมป้องกันเห็บให้น้องหมา เพราะช่วงฤดูฝน คือช่วงฤดูที่มีเห็บระบาดแบบสุด ๆ ! 😱สาเหตุที่ฤดูฝน เป็นฤดูที่มีการแพร่ระบาดของเห็บมากที่สุด เป็นเพราะ 📍 ความชื้นส่งผลให้เห็บเพิ่มจำนวนได้มากขึ้น 💧เพราะเห็บมีการเพิ่มจำนวนในสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นพื้นดิน ซอก มุม หรือแม้กระทั่งภายในบ้าน โดยเห็บตัวเมียเพียงตัวเดียวสามารถออกไข่ได้มากถึง 4,000 ฟอง และไข่เหล่านั้นจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการฟักตัว ซึ่งความชื้น นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ไข่เห็บเกิดการฟักตัวได้ง่ายขึ้น ด้วยเหตุนี้เองช่วงหน้าฝนที่มีความชื้นสูงจึงสามารถพบเห็บได้มากกว่าฤดูอื่น ๆ นั่นเอง 📍 น้องหมาชอบลุยฝน และได้รับไข่เห็บมากับหยดน้ำบนยอดหญ้าโดยไม่รู้ตัว 🐕ฝนตกชุ่มฉ่ำแบบนี้ ใครล่ะจะอดใจไหว ! โดยเฉพาะน้องหมาที่ชอบเล่นน้ำฝน ชอบลุยโคลนเป็นชีวิตจิตใจยิ่งยากที่จะห้ามใจอยู่ ด้วยเหตุนี้เอง น้องหมาที่ชอบลุยฝนจึงมักได้รับไข่เห็บที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะไข่เห็บที่ติดมากับหยดน้ำบนยอดหญ้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อเข้ามาภายในบ้าน ถึงแม้เจ้าของจะเช็ดตัวให้น้องหมาจนแห้งสนิทแล้ว แต่ไข่เห็บเหล่านั้นก็ยังติดอยู่กับผ้าเช็ดตัวของน้อง ๆ รอวันที่จะฟักตัวออกมา และกระโดดขึ้นสู่ร่างกายน้องหมาได้ทุกเมื่อ รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมป้องกันเห็บให้น้องหมาอยู่เสมอ เพราะการป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าการตามมารักษาในภายหลัง (ขอแอบกระซิบว่าการโดนเห็บกัดเสี่ยงต่อโรคร้ายหลายโรค ทั้งโรคพยาธิเม็ดเลือด และโรคผิวหนัง อย่ารอให้น้องหมาป่วยเลยจะดีกว่า !) เคล็ดลับป้องกันเห็บในหน้าฝนสามารถทำได้ง่าย ๆ…
 
- 

แชร์ 5 เคล็ด(ไม่)ลับ
มาป้องกันเห็บในหน้าฝนกันเถอะ ! 🌧️เพราะความชื้น คือตัวการสำคัญที่ทำให้เห็บเกิดการแพร่ระบาดได้ง่ายในหน้าฝน เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน สิ่งที่เจ้าของสุนัขหลายคนต้องกังวลก็คือ “เห็บ–หมัด” ศัตรูตัวร้ายที่มักระบาดหนักเป็นพิเศษในช่วงนี้เนื่องจากสภาพอากาศชื้นและเย็นเอื้อต่อการขยายพันธุ์ของพวกมันเป็นอย่างมาก เห็บหมัดไม่ได้สร้างเพียงความรำคาญให้น้องหมาแต่ยังเป็นพาหะนำโรคที่อันตราย เช่น โรคพยาธิในเม็ดเลือด ที่สามารถทำให้สุนัขอ่อนแรง ซีด และถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี การป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งที่เจ้าของควรทำอย่างจริงจัง และนี่คือ 5 เคล็ด(ไม่)ลับ ที่ช่วยป้องกันเห็บหมัดในหน้าฝนให้ได้ผลอย่างครอบคลุม 1. รักษาความสะอาดบ้านและที่อยู่อาศัย 🏠✨แม้เราจะเห็นเห็บเกาะตามตัวสุนัข แต่ในความจริงแล้ว ไข่และตัวอ่อนจำนวนมากมักซ่อนตัวอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพรม โซฟา ที่นอนสัตว์เลี้ยง หรือมุมอับชื้น หากไม่กำจัดให้หมด วงจรการแพร่พันธุ์ก็จะไม่สิ้นสุด ดังนั้นเจ้าของจึงควรหมั่นทำความสะอาดบ้านอย่างละเอียด ดูดฝุ่นตามซอกมุมและเฟอร์นิเจอร์เป็นประจำ ซักที่นอนและผ้าห่มของสุนัขทุกสัปดาห์ รวมถึงใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยงเพื่อกำจัดเชื้อโรคและตัวปรสิตที่อาจหลงเหลืออยู่ วิธีนี้จะช่วยลดจำนวนเห็บหมัดและป้องกันการฟักตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. อาบน้ำและดูแลขนน้องหมาเป็นประจำ 🛁🐾ความเปียกชื้นที่ติดอยู่บนผิวหนังและเส้นขนหลังเล่นน้ำฝนหรือเดินลุยสนามเปียก คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เห็บเจริญเติบโตได้รวดเร็ว การอาบน้ำอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นการลดความเสี่ยงในตัวเองควรเลือกแชมพูสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดการสะสมของปรสิต และหลังอาบน้ำควรเช็ดหรือเป่าขนให้แห้งสนิททุกครั้ง การแปรงขนก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เจ้าของสังเกตได้ว่าสุนัขมีเห็บหมัดเกาะอยู่หรือไม่ รวมถึงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและทำให้ผิวหนังแข็งแรงมากขึ้นได้อีกด้วย 3. ดูแลสนามหญ้าและพื้นที่รอบบ้าน 🌿✂️นอกจากตัวบ้านแล้ว บริเวณรอบบ้านก็เป็นพื้นที่เสี่ยงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสนามหญ้าที่รกและมีความชื้นสูง มักเป็นแหล่งอาศัยและเพาะพันธุ์ชั้นดีของเห็บหมัดการตัดหญ้าอย่างสม่ำเสมอ กำจัดวัชพืช และเก็บกวาดเศษใบไม้ที่เปียกชื้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการป้องกัน…
 - 

เห็บกัดระวังพยาธิเม็ดเลือด !
โรคร้ายที่แฝงมากับเห็บ ปล่อยไว้อันตรายถึงชีวิต ! รู้หรือไม่ !? เห็บกัดไม่ใช่แค่คัน แต่ยังนำโรคร้ายอย่าง “โรคพยาธิเม็ดเลือด” มาสู่น้องหมาได้อีกด้วย ! 😱 🩸 โรคพยาธิเม็ดเลือดเกิดจากอะไรกันนะ ? 🐶โรคพยาธิเม็ดเลือดเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งซึ่งมี “เห็บ” เป็นพาหะ โดยน้องหมาจะได้รับเชื้อชนิดนี้ผ่านทางการโดนเห็บกัด สามารถพบได้บ่อยในน้องหมาที่ไม่ได้รับการป้องกันปรสิตอย่างสม่ำเสมอ หรือใช้โปรแกรมป้องกันปรสิตที่ไม่ได้มาตรฐาน 🩸 อาการของโรคพยาธิเม็ดเลือดเป็นอย่างไร ? 🤔อาการของโรคพยาธิเม็ดเลือดที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัด คือ น้องหมาจะมีไข้สูง ซึม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ต่อมน้ำเหลืองบวมโต หายใจลำบาก ในบางรายอาจพบจุดเลือดออกตามผิวหนัง เลือดกำเดาไหล และอาการทางประสาทร่วมด้วยได้ 🩸 โรคพยาธิเม็ดเลือดรักษาได้อย่างไร ? 💊หากน้องหมาป่วยด้วยโรคพยาธิเม็ดเลือด สัตวแพทย์จะทำการให้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานถึง 28 วัน โดยหลังจากให้ยาครบตามจำนวนแล้ว น้องหมาจะต้องเข้ารับการตรวจเพื่อตรวจหาเชื้อที่ยังคงคั่งค้างอยู่ภายในร่างกาย หากยังคงตรวจพบเชื้ออยู่ น้องหมาจำเป็นต้องได้รับยาต่อเนื่องอีกครั้งจนกว่าจะหาย หรือทำการเปลี่ยนชนิดของยาเพื่อทำการกำจัดเชื้อให้สิ้นซาก ร่วมไปกับการรักษาตามอาการ เช่น การให้สารน้ำ การให้ยาลดอักเสบ ยากดภูมิ หรือแม้กระทั่งการถ่ายเลือดในรายที่มีอาการรุนแรง 🩸 โรคพยาธิเม็ดเลือด ป้องกันไว้ดีกว่าตามรักษา…
 - 

เลี้ยงน้องหมาในบ้าน ยังจำเป็นต้องป้องกันปรสิต
“การป้องกัน ย่อมดีกว่าการรักษา” ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้จะเลี้ยงน้องหมาแค่ภายในบ้าน แต่น้องหมาก็ยัง “จำเป็น” ต้องป้องกันปรสิต3 เหตุผลที่ถึงแม้จะเลี้ยงน้องหมาแค่ภายในบ้าน แต่ก็ยังจำเป็นต้องป้องกันปรสิต ได้แก่ 1. ปรสิตสามารถติดมากับเจ้าของได้ 👫🏻ไม่ว่าจะเห็บ หมัด หรือไข่ของพยาธิในระบบทางเดินอาหาร ปรสิตร้ายเหล่านี้สามารถติดมากับเจ้าของได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะติดมากับเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือแม้กระทั่งบนร่างกายของเจ้าของเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของท่านไหนที่มักเดินทางไปในบริเวณที่มีความสกปรก บริเวณที่เป็นพื้นดิน หรือบริเวณที่มีน้องหมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นถึงแม้จะเลี้ยงน้องหมาให้อยู่แค่ภายในบ้าน แต่ปรสิตร้ายก็อาจเข้ามารุกรานน้องหมาได้ทุกเมื่อ ทางที่ดีอย่าลืมเสริมเกราะป้องกันให้ครบทั้ง 3 ชั้น เพื่อปกป้องน้องหมาจากพยาธิหนอนหัวใจ เห็บ หมัด และพยาธิทางเดินอาหาร ซึ่งสามารถติดได้ง่าย และพบเจอได้บ่อย ป้องกันไว้ก่อนย่อมดีที่สุด ! 2. ปรสิตอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน 🌴ความน่ากลัวของปรสิตไม่หยุดเพียงแค่สามารถติดต่อได้ง่าย แต่พวกมันยังมีความคงทน สามารถอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นระยะเวลานาน เช่น เห็บสามารถคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานถึง 2 ปี (โดยในระหว่าง 2 ปีนี้ เห็บเพศเมียจะสามารถออกไข่ได้สูงสุดถึง 4,000 ฟอง !) หมัดสามารถคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานถึง 6 เดือน…
 - 

เพราะโรคพยาธิหนอนหัวใจ คือหนึ่งโรคร้ายที่อันตรายถึงชีวิต
หากน้องหมาป่วยด้วยโรคหัวใจสามารถทำการรักษาอย่างไรได้บ้าง ไปดูกัน ! 💉 รักษาโดยการให้ยาน้องหมาที่ป่วยด้วยโรคพยาธิหนอนหัวใจสามารถทำการรักษาได้ด้วยการกินยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่แอบแฝงมากับพยาธิหนอนหัวใจ ร่วมกับการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนบั้นเอวเพื่อช่วยในการกำจัดพยาธิหนอนหัวใจตัวเต็มวัยอย่างช้า ๆ ซึ่งการรักษานี้จำเป็นต้องให้ยาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน (ประมาณ 90 วัน) อีกทั้งตัวยาที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อยังก่อให้เกิดความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก (มากจนคุณหมอต้องให้ยาแก้ปวดควบคู่ไปด้วยทุกครั้งเลยล่ะ) แถมในระหว่างการรักษายังจำเป็นต้องจำกัดบริเวณน้องหมา ด้วยการขังกรง หรือควบคุมให้น้องหมาเคลื่อนไหวน้อยที่สุด เพื่อลดโอกาสในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันอีกด้วย เรียกได้ว่าทรมานทั้งเจ้าของที่ต้องดูแลอย่างเข้มงวด ทรมานทั้งน้องหมาที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และแสนเจ็บปวดเลยทีเดียว 🩸 รักษาโดยการผ่าตัดสำหรับน้องหมาที่ป่วยด้วยโรคพยาธิหนอนหัวใจขั้นรุนแรง หรือเกิดภาวะพยาธิหนอนหัวใจอุดตัน (caval syndrome) คุณหมออาจพิจารณาทำการผ่าตัดเพื่อเอาพยาธิหนอนหัวใจออกจากร่างกาย ทั้งนี้การผ่าตัดดังกล่าวนับว่ามีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก เพราะร่างกายน้องหมาจะอ่อนแอ และด้วยระบบหมุนเวียนเลือดที่มีปัญหาย่อมส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการวางยาสลบมีมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าน้องหมาอาจเสียชีวิตในระหว่างขั้นตอนการรักษาได้ทุกเมื่อ ดังนั้นหากจำเป็นต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัด คุณหมอจะแจ้งความเสี่ยงดังกล่าวให้กับเจ้าของ และตัดสินใจวางแผนการรักษาร่วมกันต่อไป 🧡 เสริมการป้องกันด้วยโปรแกรมปกป้องจาก Simple Protectionโปรแกรมปกป้องจาก Simple Protection จะช่วยเสริมเกราะป้องกันให้กับน้องหมา ช่วยให้น้องหมาปลอดภัยจากพยาธิหนอนหัวใจ ปรสิตร้ายที่อันตรายถึงชีวิต สามารถให้ได้ในระหว่างที่น้องหมากำลังทำการรักษาโรคพยาธิหนอนหัวใจ ด้วยฤทธิ์ในการกำจัดตัวอ่อนของพยาธิจะช่วยให้พยาธิหนอนหัวใจไม่เกิดการเพิ่มจำนวน อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสในการพัฒนาของตัวอ่อนเป็นตัวเต็มวัยได้อีกด้วย และเมื่อน้องหมาหายจากโรคพยาธิหนอนหัวใจแล้ว Simple Protection จะช่วยปกป้องน้องหมาจากพยาธิหนอนหัวใจตัวใหม่ที่เข้ามาพร้อมกับการโดนยุงกัด หมดกังวลว่าน้องหมาจะกลับไปเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจซ้ำได้เลย รักน้องหมา อย่าปล่อยให้น้องหมาต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคพยาธิหนอนหัวใจ เสริมเกราะป้องกันให้น้อง ๆ ตั้งแต่วันนี้…
 - 

3 เคล็ดไม่ลับ ดูแลน้องหมาช่วงหน้าฝน
🌧 ฝนตกแบบนี้ ควรดูแลน้องหมาอย่างไรไปดูกัน ! ✅ เช็ดตัวให้แห้ง อย่าปล่อยให้ขนน้องหมาเปียกชื้นฝนตก น้องหมาเปียก อย่าลืมพาพวกเขาไปเช็ดตัว และเป่าลมให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นซอกหลืบ และก่อให้เกิดการอับชื้นได้ง่าย เช่น ง่ามขา ซอกหู หรือแม้กระทั่งง่ามเท้าทั้งสี่ข้าง เพราะความชื้นเป็นสาเหตุของการสะสมของเชื้อรา และยีสต์ซึ่งมักก่อให้เกิดอาการคันในน้องหมา โดยหากน้องหมามีเชื้อรา หรือยีสต์สะสมบนร่างกาย พวกเขาจะมีอาการคันมาก เกา หรือเลียบริเวณที่คันบ่อย อีกทั้งยังมีกลิ่นเหม็นบนร่างกาย เรียกได้ว่าทรมานทั้งคนเลี้ยง ทรมานทั้งน้องหมาเลยล่ะ หากน้องหมาแสดงอาการป่วยเหล่านี้ ควรรีบพาน้องไปรับการรักษาจากสัตวแพทย์โดยด่วน ✅ ระบายอากาศ อย่าปล่อยให้ห้องอับชื้นฝนตกย่อมคู่กับอากาศชื้น แต่คุณรู้หรือไม่ ? อากาศชื้นไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความไม่สบายตัว แต่ยังเพิ่มโอกาสในการเพิ่มขึ้นของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคทางระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย โดยเชื้อเหล่านี้จะส่งผลให้น้องหมาป่วยด้วยโรคหวัด และโรคหลอดลมอักเสบติดต่อ ซึ่งสามารถแพร่ระบาดไปมาระหว่างกันในน้องหมาได้ (บ้านไหนที่เลี้ยงน้องหมาร่วมกันหลายตัว ต้องระวังการแพร่ระบาดของโรคเหล่านี้ในหน้าฝนให้ดีเลยล่ะ) โดยอาการที่สามารถสังเกตได้มีตั้งแต่อาการไอแบบมีเสมหะ มีน้ำมูกไหล ไปจนถึงมีไข้สูง ซึม เบื่ออาหาร ในรายที่รุนแรงอาจถึงขั้นเกิดภาวะปอดบวม และเสียชีวิตได้เลยทีเดียว แต่ไม่ต้องกังวลไป ! เพราะโรคหวัดสามารถป้องกันได้เพียงการพาน้องหมาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคเป็นประจำทุกปี (วัคซีนรวมที่น้องหมาฉีดจะช่วยให้น้องหมามีภูมิคุ้มกันต่อโรคหวัดและหลอดลมอักเสบติดต่อได้นั่นเอง) ดังนั้นหน้าฝนแบบนี้อย่าลืมเปิดพัดลมระบายอากาศ…
 - 

น้องหมาวัยเด็กควรเริ่มป้องกันปรสิตตั้งแต่อายุเท่าไร ?
🤔 หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังสงสัยว่า “น้องหมาวัยเด็กควรเริ่มป้องกันปรสิตตั้งแต่อายุเท่าไร ?” วันนี้เรามีคำตอบ ! 🤩 ✅ เริ่มทันทีตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ : ปรสิตร้ายต้องเริ่มป้องกันตั้งแต่แม่น้องหมากำลังตั้งท้อง เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่แม่น้องหมามีความอ่อนแอ และเสี่ยงต่อการติดปรสิตเป็นอย่างมาก แถมปรสิตกลุ่มพยาธิภายในบางชนิด เช่น พยาธิตัวกลม และพยาธิปากขอยังสามารถติดต่อจากแม่ไปสู่ลูกได้อีกด้วย ทั้งนี้โปรแกรมปกป้องที่เลือกใช้ควรเลือกชนิดที่สามารถใช้ได้ในแม่สุนัขตั้งท้อง เช่น ยาหยดหลังที่ช่วยปกป้องน้องหมาจากหมัด เห็บ ไร และพยาธิหนอนหัวใจ โดยควรให้ควบคู่ไปกับการถ่ายพยาธิเป็นประจำ เพื่อเสริมการปกป้องน้องหมาให้ครอบคลุมถึงพยาธิภายในด้วยนั่นเองตั้งแต่น้องหมาลืมตาดูโลก : ดูแลรักษาความสะอาดของสิ่งแวดล้อมที่น้องหมาอยู่อาศัยเพื่อลดโอกาสการได้รับไข่พยาธิ การโดนเห็บ หมัดรุกราน หรือการโดนยุงซึ่งเป็นพาหะของพยาธิหนอนหัวใจกัด เพราะสิ่งแวดล้อมที่สะอาด และปลอดภัยย่อมทำให้น้องหมาปลอดภัยจากปรสิตร้ายที่อันตรายถึงชีวิตมากยิ่งขึ้น ✅ เริ่มเมื่อน้องหมาอายุ 3 สัปดาห์เมื่อน้องหมาอายุครบ 3 สัปดาห์ สามารถพาน้องหมาไปรับโปรแกรมการถ่ายพยาธิจากสัตวแพทย์ใกล้บ้าน พร้อมรับคำแนะนำในการดูแลอย่างเหมาะสม โดยหลังจากเริ่มการถ่ายพยาธิครั้งแรกแล้วจึงพาน้องหมามารับการถ่ายพยาธิซ้ำอีกทุก ๆ 2 สัปดาห์ จนน้องหมาอายุครบ 8-10 สัปดาห์ หลังจากนั้นควรพาน้องหมามาถ่ายพยาธิเป็นประจำทุก 3-4 เดือน (ความถี่ที่สัตวแพทย์แนะนำขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในการได้รับพยาธิจากสิ่งแวดล้อมของน้องหมาตัวนั้น ๆ) พร้อมทั้งเสริมเกราะป้องกันพยาธิภายในให้กับน้องหมาเป็นประจำทุกเดือน เพื่อป้องกันการติดพยาธิในระบบทางเดินอาหารกลุ่มพยาธิตัวกลม และปากขอ…
 - 

ไขข้อสงสัยปัญหาโลกแตกสำหรับคนเลี้ยงน้องหมา
“ปกป้องน้องหมาก็แล้ว ทำไมน้องหมายังมีเห็บ ?”แชร์ 3 เหตุผลยอดฮิตที่ทำให้การป้องกันเห็บในน้องหมาไม่มีประสิทธิภาพ พร้อมแนะนำเทคนิคการป้องกันอย่างถูกวิธีจากคำแนะนำของสัตวแพทย์ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน ! ใช้โปรแกรมปกป้องที่ไม่ได้มาตรฐาน ยาเถื่อนสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้การปกป้องน้องหมาจากเห็บไม่มีประสิทธิภาพ คือการเลือกใช้โปรแกรมปกป้องที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเลือกใช้ยาเถื่อนที่ไม่ได้รับการแนะนำจากสัตวแพทย์ โดยยาเหล่านี้มักเป็นตัวยาที่ไม่ได้รับการทดสอบว่าสามารถออกฤทธิ์กำจัดเห็บซึ่งเป็นพาหะของพยาธิเม็ดเลือดได้มากน้อยเพียงใด ประสิทธิภาพจึงไม่คงที่ ยาบางกลุ่มอาจออกฤทธิ์ได้ไม่รุนแรงมากพอ บางกลุ่มอาจออกฤทธิ์รุนแรงมากเกินไป และมีผลข้างเคียงซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายน้องหมา นอกจากนี้ตัวยาเถื่อนเหล่านี้ยังพบว่ามักเป็นตัวยาที่อยู่ในกลุ่มของยาฆ่าแมลง ซึ่งส่งผลให้น้องหมาได้รับสารพิษผ่านการดูดซึม หรือเลีย โดยมักพบว่าออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ส่งผลให้เกิดอาการชัก และเป็นพิษต่ออวัยวะสำคัญส่วนอื่น ๆ ในร่างกายซึ่งรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ใช้โปรแกรมปกป้องไม่สม่ำเสมอโปรแกรมปกป้องน้องหมาจากปรสิตร้ายที่สัตวแพทย์แนะนำได้รับการทดสอบว่าออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดที่ระยะเวลา 1 เดือน คำแนะนำจึงแนะนำให้ทำการปกป้องเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง หากเจ้าของเว้นช่วงการป้องกัน หรืองดการป้องกันเมื่อเห็นว่าน้องหมาไม่มีเห็บบนร่างกาย ระดับของยาในร่างกายของน้องหมาจะลดลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการปกป้องลดลงตามไปด้วย ดังนั้น หากอยากมั่นใจว่าน้องหมาจะปลอดภัยจากเห็บตลอดทุกช่วงเวลา อย่าลืมมอบการปกป้องอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำข้างฉลากเพื่อประสิทธิภาพการปกป้องที่ดีที่สุด ไม่ทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมถึงแม้จะมอบการปกป้องด้วยโปรแกรมปกป้องที่ดีมากแค่ไหน แต่การทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันเห็บซึ่งเป็นพาหะของพยาธิเม็ดเลือด เพราะการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมจะช่วยลดการสะสมของเห็บในธรรมชาติ ช่วยให้น้องหมาไม่ต้องเผชิญกับการโดนเห็บกัด ช่วยลดโอกาสในการเกิดพยาธิเม็ดเลือด ดังนั้นอย่าลืมทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมเป็นประจำโดยเฉพาะบริเวณที่น้องหมาอาศัยอยู่บ่อย ๆ เช่น ที่นอน หรือภายในบ้าน ด้วยล่ะ ถึงจะปกป้องน้องหมาจากเห็บตัวร้ายแล้ว แต่ถ้าป้องกันไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม น้องหมาก็ไม่อาจรอดพ้นจากเห็บไปได้ !อย่าลืมปกป้องน้องหมาอย่างถูกวิธีตั้งแต่วันนี้…
 - 

น้องหมาเลือดกำเดาไหล เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
“เลือดกำเดาไหล” หนึ่งในความผิดปกติที่หลายคนเคยพบเจอ แต่รู้หรือไม่ ? น้องหมาเองก็มีเลือดกำเดาไหลได้เหมือนกันนะ อาการเลือดกำเดาไหลในน้องหมาเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า ? แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้น้องหมาเลือดกำเดาไหลได้บ้าง ? ไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย ! เลือดกำเดาไหล คืออาการที่น้องหมามีเลือดออกจากโพรงจมูก โดยสาเหตุสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น 1. การเกิดอุบัติเหตุ หรือมีแผลในโพรงจมูก : ปัจจัยนี้เป็นสาเหตุที่เกิดจากตัวของโพรงจมูกเอง เช่น น้องหมาไปวิ่งเล่นแล้วบังเอิญชนโต๊ะ หรือประตูกระจกเข้าอย่างจัง ทำให้เกิดแผลในโพรงจมูก เลือดจึงไหลออกมา หากเจ้าของสังเกตเห็นแบบนี้อย่าเพิ่งตื่นตกใจ เจ้าของสามารถช่วยปฐมพยาบาลน้องหมาเบื้องต้นได้โดยการทำให้พวกเขาอยู่นิ่ง ๆ จากนั้นใช้ผ้าห่อน้ำแข็ง หรือแผ่นประคบเย็นประคบเข้าที่บริเวณจมูกทั้งสองข้าง ประมาณข้างละ 5-10 นาที จากนั้นรีบพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้เลือดกำเดาไหลจากการเกิดอุบัติเหตุนี้หากไม่รุนแรงมักหายได้ภายในระยะเวลาไม่นาน และมักไม่กลับมาเป็นอีกหากไม่เกิดการกระทบกระเทือนซ้ำ 2. มะเร็ง : โรคมะเร็งในโพรงจมูก นับเป็นอีกหนึ่งโรคที่เป็นสาเหตุของการเกิดเลือดกำเดาไหลในน้องหมา มักพบในน้องหมาสายพันธุ์หน้ายาว และอายุค่อนข้างมาก น้องหมาที่ป่วยด้วยมะเร็งในโพรงจมูกนอกจากจะพบอาการเลือดกำเดาไหลบ่อย ๆ แล้ว ยังมักพบว่ามีอาการหายใจลำบาก หายใจเสียงดัง และสามารถสังเกตเห็นจมูกผิดรูป ปูดโปน หรือตาบวมได้อย่างชัดเจน อาการของเลือดกำเดาไหลในน้องหมาที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งมักพบว่าเป็นแบบเรื้อรัง คือแสดงอาการบ่อยครั้ง หากพบน้องหมาแสดงอาการ หรือลักษณะดังกล่าวควรรีบพาน้องหมาไปรับการตรวจโดยละเอียดจากสัตวแพทย์ทันที…